พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
เล่ม ๒๔.พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑
|
๙. ปฐมปัชชุนนธีตุสูตร
|
| |
|
คาถาของธิดาท้าวปัชชุนนะ
|
| |
| [๑๓๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :- |
| สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กูฎาคารศาลาในป่า |
| มหาวัน กรุงเวสาลี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว ธิดาของท้าวปัชชุนนะ |
| ชื่อโกกนทา มีวรรณะงาม ยังป่ามหาวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปเฝ้าพระผู้มี |
| พระภาคเจ้า ครั้นแล้วจึงถวายอภิวาท แล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. |
| [๑๓๒] ธิดาของท้าวปัชชุนนะ ชื่อโกกนทา ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควร |
| ส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กล่าวคาถาทั้งหลายนี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า |
| หม่อมฉันชื่อว่าโกกนทา เป็นธิดา |
| ของท้าวปัชชุนนะ ย่อมไหว้เฉพาะพระ- |
| สัมพุทธเจ้าผู้เลิศกว่าสัตว์ ผู้เสด็จอยู่ในป่า |
| กรุงเวสาลี สุนทรพจน์ว่า ธรรมอันพระ- |
| สัมพุทธเจ้า ผู้มีพระปัญญาจักษุ ตาม |
| ตรัสรู้แล้วดังนี้ หม่อมฉันได้ยินแล้วใน |
| กาลก่อน แท้จริง หม่อมฉันนั้น เมื่อ |
| พระสุคตผู้เป็นมุนีทรงแสดงอยู่ ย่อมรู้ |
| ประจักษ์ในกาลนี้ ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่งมี |
| ปัญญาทราม ติเตียนธรรมอันประเสริฐ |
| เที่ยวไปอยู่ ชนเหล่านั้น ย่อมเข้าถึงโรรุว- |
| นรกอันร้ายกาจ ประสบทุกข์ตลอดกาล- |
| นาน ส่วนชนทั้งหลายเหล่าใดแล ประกอบ |
| ด้วยความอดทนและความสงบในธรรมอัน |
| ประเสริฐ ชนทั้งหลายเหล่านั้น ละร่างกาย |
| อันเป็นของมนุษย์ แล้วจักยังหมู่เทวดาให้ |
| บริบูรณ์. |
| |
|
อรรถกถาปัชชุนนธีตุสูตร
|
| |
| พึงทราบวินิจฉัยในปฐมปัชชุนนธีตุสูตรที่ ๙ ต่อไป :- |
| บทว่า ปชฺชุนฺนสฺส ธีตา แปลว่า ธิดาของท้าวปัชชุนนะ อธิบายว่า |
| ธิดาของท้าวจาตุมหาราชิกาผู้เป็นเทวราชของวัสสวลาหก ชื่อว่า ท้าวปัชชุนนะ. |
| บทว่า อภิวนฺเท แปลว่า ย่อมไหว้ อธิบายว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า |
| หม่อมฉันย่อมไหว้พระยุคลบาทของพระองค์. บทว่า จกฺขุมตา แปลว่า |
| ผู้มีจักษุ อธิบายว่า เทพธิดากล่าวว่า สุนทรพจน์ว่า ธรรมอันพระตถาคต |
| ผู้มีจักษุด้วยจักษุ* ๕ ตามตรัสรู้แล้ว หม่อมฉันได้ยินแล้วในสำนักแห่งชน |
| เหล่าอื่นอย่างเดียวเท่านั้น. บทว่า สาหํทานิ ตัดบทเป็น สา อหํ อิทานิ |
| แปลว่า หม่อมฉันนั้น...ในกาลบัดนี้. บทว่า สกฺขิ ชานามิ แปลว่า |
| ย่อมรู้ประจักษ์ คือว่า ย่อมรู้ประจักษ์ ด้วยสามารถแห่งการแทงตลอด. บทว่า |
| วิครหนฺตา แปลว่า ติเตียน คือได้แก่ ติเตียนอย่างนี้ว่า ธรรมนี้มีบทแห่ง |
| อักขระและพยัญชนะอันเลว หรือว่า ธรรมนี้ไม่เป็นนิยยานิกะ. บทว่า โรรุวํ |
|
| แปลว่า โรรุวนรก อธิบายว่า โรรุวนรก มี ๒ คือ ธูมโรรุวนรก และ |
| ชาลโรรุวนรก. ในนรก ๒ นั้น ธูมโรรุวนรกมีอยู่ส่วนหนึ่ง ก็คำว่า ชาล- |
| โรรุวนรกนั้น เป็นชื่อของอเวจีมหานรก. เพราะว่า ในโรรุวนรกนั้น เมื่อ |
| ไฟโพลงอยู่ ๆ สัตว์ทั้งหลาย ย่อมร้องบ่อย ๆ เพราะฉะนั้น นรกนั้น ท่านจึง |
| เรียกว่า โรรุวะ ดังนี้. บทว่า โฆรํ แปลว่า ร้ายกาจ ได้แก่ ทารุณ. |
| บทว่า ขนฺติยา อุปสเมน อุเปตา แปลว่า ผู้ประกอบด้วยความอดทน |
| และความสงบ อธิบายว่า ครั้นชอบใจแล้ว ครั้นอดทนแล้ว จึงชื่อว่า |
| ประกอบแล้วด้วยขันติเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและความสงบจากกิเลสมีราคะเป็นต้น |
| ดังนี้แล. |
| จบอรรถกถาปฐมปัชชุนนธีตุสูตรที่ ๙ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น